ที่บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์วิกฤติภัยแล้งที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ในปัจจุบัน มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง เนื่องจากนิคมฯ อมตะทั้ง 2 แห่ง ได้มีแผนเตรียมรับมือและการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจรไว้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรมของอมตะได้ตลอดทั้งปี
หลังจากมีการนำเสนอข่าวเรื่องวิกฤติภัยแล้งในประเทศไทยที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำที่จะป้อนเข้าสู่ภาคการผลิต โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นที่อยู่ภายในนิคมฯ อมตะมากกว่า 60 % ได้สอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้รับการยืนยันว่านิคมฯ อมตะทั้ง 2 แห่งมียังขีดความสามารถในการส่งน้ำให้ผู้ประกอบการได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมให้ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยเช่นกัน” นายวิบูลย์ กล่าวปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครมีบ่อเก็บน้ำสำรองความจุกว่า 30 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำกักเก็บ ณ.วันที่ 8 ก.ค. 2558 อยู่ถึง 17 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่มีความต้องการใช้น้ำจนถึงสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 12 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนนิคมฯ อมตะซิตี้ จ .ระยอง มีอ่างเก็บน้ำซึ่งมีความจุ 5.5 ล้านลูกบาศก์เมตร รับน้ำจาก East Water เพิ่มอีกปีละ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่มีความต้องการใช้น้ำจนถึงสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 4.5 ล้านลบ.ม.
นอกจากนี้บริษัท ฯ ยังดำเนินการตามนโยบาย การอนุรักษ์แหล่งน้ำโดยนำเทคโนโลยี ที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร รวมถึงการบำบัดน้ำเสีย การปรับปรุงคุณภาพน้ำกลับมาใช้ใหม่( Water Reclamation plant ) ด้วย Reversed Osmosis Membrane ( RO.) ปัจจุบันมีกำลังการผลิตของระบบ RO สูงสุด 16,000 ลบ.ม. ต่อ วัน จากการเกิดวิกฤติภัยแล้ง ในปี 2548 นับว่าเป็นการเกิดภัยแล้งที่มีผลกระทบอย่างหนักในพื้นที่ภาคตะวันออก แต่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ทั้งสองแห่ง ก็มีน้ำเพียงพอใช้ได้ทั้งปีโดยไม่ขาดแคลน เป็นผลจาก ความมุ่งมั่น และการบริหารจัดการน้ำ ที่ต้องการสร้างความมั่นคงและยั่งยืน ให้ลูกค้าของอมตะตลอดไป