|
เอไอเอส เดินหน้าขยายโครงข่ายอัจฉริยะ 5G และ บรอดแบนด์ ให้มีความครอบคลุมสูงสุด พร้อมเชื่อมต่อการทำงานกับภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในภาคการผลิตเพื่อพร้อมรับมือต่อการเติบโตในอนาคต ล่าสุดได้จับมือกับนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 จังหวัดปราจีนบุรี
นำศักยภาพของโครงข่าย 5G และ ไฟเบอร์บรอดแบนด์ เสริมศักยภาพการบริหารจัดการ รวมถึงยกระดับนิคมอุตสาหกรรม สู่การเป็น Smart Industrial 4.0 ที่สมบูรณ์แบบ อันจะเป็นการต่อยอดการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม และภาคการผลิตของภาคตะวันออกต่อไป
นายสมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน รักษาการหัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออกบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือ นำศักยภาพของโครงข่ายอัจฉริยะสนับสนุนและส่งเสริมประสิทธิภาพให้แก่ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาคการผลิต ผ่านการทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐ และ ภาคเอกชน อย่าง นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อวาง Digital Infrastructure รวมถึงการพัฒนาโซลูชันด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ในการที่จะเข้าไปผลักดัน ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้มีขีดความสามารถ และศักยภาพที่พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ อีกทั้งเรายังเชื่อว่าการมีองค์ประกอบด้านเทคโนโลยีในทุกกระบวนการทำงานภายใต้ Digital Ecosystem จะสามารถช่วยสร้างความแตกต่าง รวมทั้งสร้างแรงดึงดูดจากนักลงทุนให้เข้ามาร่วมกันสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน”
สำหรับความร่วมมือกับนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 ในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญต่อการทำงานกับภาคธุรกิจในภาคตะวันออกที่นับว่าเป็นอีกพื้นที่ศักยภาพด้านการผลิต โดยเราได้วาง Digital Infrastructure จากโครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G และ Fiber Optic เพื่อให้พร้อมรองรับและเสริมศักยภาพการบริหารจัดการ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการภายในนิคมฯ สามารถใช้ศักยภาพจากโครงข่ายสัญญาณได้เต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งบริการ Smart Solution ต่างๆ อาทิ 5G Private Network, 5G Smart factory ระบบบริหารจัดการโรงงานอัจฉริยะ, Smart meter , Environment sensor, Smart tracking ระบบอุปกรณ์ติดตามรถ, บริการจัดเก็บข้อมูล on cloud ในรูปแบบ Enterprise Cloud, CCTV and video analytics, Smart parking และอื่นๆ ที่เรามีความพร้อมในการพัฒนาเพื่อร่วมกันยกระดับภาคอุตสาหกรรมของจังหวัดปราจีนบุรีให้มีขีดความสามารถและพร้อมแข่งขันในอนาคตต่อไป”
ด้านคุณวรรณา ลอลือเลิศ กรรมการผู้จัดการนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า “การร่วมมือกับเอไอเอสครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ในนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 เพื่อยกระดับนิคมอุตสาหกรรม สู่การเป็น Smart Industrial 4.0 และรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ในเขตภาคตะวันออก โดยนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 มีความไว้วางใจและเชื่อมั่นในบริการ Smart Solution ต่างๆ ของเอไอเอส ไม่ว่าจะเป็น 5G Private Network, 5G Smart factory ระบบบริหารจัดการโรงงานอัจฉริยะ และอื่นๆ เพื่อร่วมกันยกระดับภาคอุตสาหกรรมของจังหวัดปราจีนบุรีให้มีขีดความสามารถและพร้อมแข่งขันในอนาคต
ปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 เป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ ภายใต้การกำกับดูแลของนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) มีพื้นที่กว่า 1,746 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม 1,125 ไร่
พื้นที่เชิงพาณิชย์ 83 ไร่ พื้นที่สาธารณูปโภค 364 ไร่และพื้นที่สีเขียว 174 ไร่ โดยนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีสมัยใหม่ สนับสนุนการใช้พลังงานสมัยใหม่ และอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth)
นายสมภพ กล่าวในช่วงท้ายว่า “AIS ในฐานะ องค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-CO ยังคงเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลเทคโนโลยีที่สามารถส่งมอบประสบการณ์รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพการทำงานของพาร์ทเนอร์ เพราะเราเชื่อว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่แข็งแรงจะมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและการผลิต ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพภาคการผลิตนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก รวมถึงผู้ประกอบการภายในนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 ให้พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง เปิดรับโอกาส ความท้าทายและการแข่งขัน”
|