|
กล้องวงจรปิดภายในวัดเขาดินญาณนิมิต ต.หัวถนน อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี จับภาพนาทีหญิงสาวหน้าตาดี อายุประมาณ 25-30 ปีตีเนียนนั่งร่วมถวายกองกฐินภายในศาลาในภาพจะเห็นว่าผู้ก่อเหตุได้ทำทีเหมือนเป็นหนึ่งในเจ้าภาพเดินไปมาบริเวณขันเงินแล้วเดินดูลาดเลาพอสบโอกาสได้รีบเอาผ้าคลุมแล้วอุ้มเอาขันเงินเดินเข้าไปในครัวก่อนจะเดินหิ้วถึงผ้าสีขาว 2 ถุงก่อนจะรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็วซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพพฤติกรรมของหญิงรายดังกล่าวได้ทุกมุมเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ย.66 ที่ผ่านมา
ต่อมาวันนี้ 12 พ.ย.2566 เวลา 11.00 น.ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดเขาดินญาณนิมิต ต.หัวถนน อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ได้พบกับนางลักขณา พิมพ์กิ เจ้าหน้าที่กรรมการวัดเขาดินญาณนิมิต ได้ชี้จุดให้ทางผู้สื่อข่าวดูและได้เล่าว่าเมื่อวานตนและกรรมการวัดได้มีการนับเงินยอดกฐินได้จำนวนเงิน1,359,515 บาทและมีการทำบัญชีและได้มอบให้กับทางเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวจากนั้นเมื่อคืนทางเจ้าอาวาสได้มีการนับเงินแต่ไม่ครบนับเงินได้ จำนวน 1,286,595 บาทซึ่งขาดไปจำนวน 72,920 บาทจึงได้มาพูดคุยสอบถามกันวันนี้และได้เปิดกล้องวงจรปิดดูถึงพบว่ามีหญิงสาวหน้าตาดีทำทีเหมือนเป็นชาวบ้านมาช่วยงานและตีเนียนอยู่กับเจ้าภาพกฐินจึงไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครพอสบโอกาสหญิงสาวคนดังกล่าวก็ได้เข้าไปเอาขันเงินไปในครัวแล้วขโมยเงินไปกว่า 7 หมื่นบาท ต่อนนี้ทางวัดจึงได้มอบหมายให้ตนนำกล้องวงจรปิดไปแจ้งความเป็นหลักฐานแล้ว ส่วนตนอยากฝากถึงผู้ก่อเหตุหากได้ดูข่าวแล้วรู้สึกกลัวบาปกรรมก็ให้เอาเงินมาคืนวัดเพราะเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่เขาทำบุญมาและยกใส่หัวอนุโมทนาบุญสาธุแล้วเอาไปก็บาปติดตัวทำมาหากินไม่ขึ้นเอามาคืนก่อนจะเสียอนาคตและทางวัดก็จำเป็นต้องใช้เงินในส่วนนี้เพื่อมาบูรณะวัดด้วย
ส่วนทางด้านพระปลัดนิมิตร ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดเขาดินญาณนิมิต ได้เล่าว่าเมื่อวานได้วางขันเงินไว้ข้างพระใหญ่และมีญาติโยมมาเยอะแต่ผู้ก่อเหตุนั้นก็นั่งตีเนียนกับโยมเจ้าภาพจึงไม่มีใครสังเกตุเพราะตอนเขาช่วยกันนับเงินเก็บของเขาก็ช่วยทำหมดไม่มีอะไรผิดสังเกตุเลยจนพอได้รับขันเงินจึงได้วางไว้ข้างพระใหญ่จากนั้นก็ได้เข้าไปเอาเอกสารกานเงินมาให้ทางเจ้าคณะตำบลและเจ้าคณะจังหวัดพอออกมาก็ไม่เจอขันเงินกฐินจึงได้เดินหาพบว่าไปวางในครัวทีแรกนึกว่ากรรมการจะเอาไปนับใหม่จึงได้เอามาเก็บไว้บนห้องพอมานั่งนับดูพบว่ายอดเงินที่ได้รับจากคณะกรรมการนั้นยอดเขียนไว้จำนวน 1,359,515 บาท แต่มานับใหม่ได้เพียง 1,286,595 บาทพอมาบวกลบดูยอดเงินหายไปจำนวน 72,920 บาทซึ่งเป็นยอดเงินที่ใส่ถุงไว้บนถึงเงินใหญ่ที่อยู่ด้านล่างเพราะถุงนั้นเป็นยอด 1,359,515 บาทเหลือถุงเดียวจึงได้เรียกคณะกรรมการมาสอบถามและเปิดกล้องวงจรปิดดูพบว่าหญิงสาวได้ขโมยไปและสอบถามกับชาวบ้านและกรรมการวัดไม่เคยพบเห็นหรือคุนหน้ากับหญิงสาวเลยคาดว่าน่าจะมาจากที่อื่นและมาทำทีเนียนอยู่กับทางโยมที่มาทำบุญกฐิน ก็อยากฝากถึงผู้ก่อเกตุให้เอาเงินมาคืนวัดด้วยและอย่าไปทำแบบนี้กับวัดไหนอีกเพราะเงินทำบุญเอาไปใช้มันจะบาปและทำมาหากินไม่ขึ้นตายไปจะตกนรกด้วย และฝากถึงวัดอื่นๆที่จัดงานกฐินอยากให้ระวังบุคคลภายนอกที่ไม่คุ้นเคยให้กรรมการวัดดูแลพานเงินอย่างใกล้ชิดเพราะไม่รู้ใครมาทำบุญหรือมาขโมยก็ไม่สามารถรู้ได้เพราะเป็นงานบุญคนจะเยอะและชุลมุนมาก
|