เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 23 มกราคม 2565 นายวีรวุฒิ สิงห์โตทอง กำนันตำบลหนองชาก และอาสากู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง ได้เดินทางเข้าตรวจสอบบริเวณป่าอ้อยข้างสมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี หมู่ 1 ตำบลหนองชาก อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี หลังทราบว่ามีควายเพศเมีย เดินตกลงไปในบ่อน้ำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.20 เซนติเมตร ลึกกว่า 4 เมตร และเมื่อมาถึงพบชาวบ้านกำลังยืนดูอยู่ริมปากบ่อ และภายในบ่อพบควายเพศเมีย อายุ 2 ปี น้ำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม ที่ชื่อแม่ช้อย อยู่ในบ่อคอนกรีต มีน้ำขังประมาณ 1 เมตร มีท่าทีตื่นตกใจ จึงได้เร่งทำการช่วยเหลือมันขึ้นมาแต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงต้องพยายามช่วยกันนำค้อน เสียม มาทุบขอบบ่อ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทางนายวีรวุฒิ จึงได้นำรถแบคโฮมาขุดเปิดหน้าดิน และพังขอบบ่อเพื่อให้ควายสามารถเดินขึ้นเองได้ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถช่วยเหลือนำขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่จะพาควายไปล้างน้ำทำความสะอาด ตรวจสอบพบบาดแผลผิวหนังถลอกหลายแหล่ง จึงทำการปฐมพยาบาล และนำเข้าคอกเพื่อดูอาการ
จากการสอบถามนายต้น ชวนชม อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นคนเลี้ยงควายเล่าว่า ตนเองได้ปล่อยควายออกจากคอกเลี้ยงช่วงสายๆ เพื่อให้ควายออกเดินออกกำลังกาย และหาหญ้ากิน เหมือนเช่นทุกวัน พอถึงเวลาต้องต้อนควายกลับเข้าคอก ปรากฏว่าควายได้หายไป 1 ตัว จึงเดินออกตามหาปรากฏว่าได้ยินเสียงควายร้องในป่าหญ้า และมาพบควายลอยคออยู่ในบ่อน้ำ ตนเองพยายามช่วยขึ้นมาแต่ทำไม่ได้ เนื่องจากบ่อมันแคบและชัน จึงโทรแจ้งขอให้นายจ้างนำรถแบคโฮมา ช่วยขุดบ่อเพื่อช่วยควายดังกล่าว
ส่วนทางด้านนายวีรวุฒิ เจ้าของควาย เล่าว่า ได้เลี้ยงควายเอาไว้ในศูนย์อนุรักษ์ควายจำนวน 20 ตัว ปกติจะเดินเล็มหญ้าหากินตามธรรมชาติ พอถึงเวลาคนเลี้ยงจะนำกลับเข้าคอก ควายที่เลี้ยงคงเดินไปตกบ่อที่มีหญ้าปกคลุม โชคดีมีคนมาเห็นและแจ้งให้ทราบ สำหรับควายตัวนี้เป็นสายพันธุ์ชลบุรี 100% ราคาที่ซื้อมาเลี้ยงตัวละ 2 แสนบาท ถ้าโตเต็มที่จะมีราคาสูงมากกว่านี้ แต่สำหรับตนเองแล้ว ควายมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าราคา ได้เลี้ยงไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ดู เนื่องจากความเป็นแรงงานที่ใช้ในการทำไร่ไถนา ซึ่งอยากอนุรักษ์ให้อยู่คู่สังคมไทย ที่ปัจจุบันจำนวนควายเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ